ประวัติและความเป็นมาของตำบลหัวทุ่ง
จากการศึกษาตำนานวัดศรีดอนคำ วัดไฮสร้อย พงศาวดารฉบับของล้านนาเชียงแสนและการเล่าสืบต่อกันมาจึงแน่ใจว่า เขตตำบลหัวทุ่ง โดยเฉพาะบ้านแม่ลองเป็นเส้นทางเดินทัพผ่านกิ่วฤาษีที่จะไปเหนือหรือลงใต้สู่เมืองหลวงสุโขทัย อยุธยาและกรุงเทพ ฯ ผู้คนที่กวาดต้อนทั้งชาวลานนา แม้กระทั่งชาวพม่าเชื้อสายกระเหรี่ยงก็มาตั้งถิ่นฐาน เช่น บ้านค้างตะนะ บ้านแม่รัง บ้านแม่ลอง บ้านนาตุ้ม (๒ หมู่) บ้านนาอุ่นน่อง บ้านหัวทุ่ง (เดิมคือบ้านนาหมาโก้ง) บ้านแม่จอก บ้านเค็ม บ้านไผ่ล้อมและบ้านนามน รวม ๑๑ หมู่บ้าน รวมเป็นตำบล เมื่อปี ๒๕๔๐ กำนันคนแรก ชื่อแคว่นวงศ์ ภีระ เป็นคนจากลำปาง กำนันคนที่ ๒ ชื่อแคว่นอ้าย บ้านนามน คนที่ ๓ ชื่อกำนันปัญญา จำปาแก้ว ได้รับพระราชทานนามว่า “ ขุนนิคม ศิระเขต” เป็นช่วงการเปลี่ยนแปลงในปี ๒๔๗๕ ซึ่ง อำเภอลองก็ได้ เปลี่ยนจากอำเภอเมืองลอง จังหวัดลำปาง มาเป็นอำเภอลอง จังหวัดแพร่ ตั้งแต่บัดนี้ กำนันคนที่ ๔ คือแคว่นปั๋น คือ นายอินปั๋น เอ้ยวัน ต่อมาเปลี่ยนนามสกุล เป็นกำนันอินปั๋น ศิริสานสุวรรณ กำนันคนที่ ๕ คือกำนันอ้าย สุภาแก้ว กำนันคนที่ ๖ คือกำนันเขียน ต่อตัน ช่วงนี้มีหมู่บ้านเพิ่มขึ้นเป็น ๑๗ หมู่บ้านการบริหารงานในรูปแบบสภาตำบลประสบปัญหายุ่งยาก งบประมาณไม่เพียงพอที่จะกระจายลงสู่หมู่ที่มีจำนวนมาก จึงคิดแยกเป็น ๒ ตำบล โดยพิจารณาหารือตกลงแยกออกไป ๘ หมู่บ้านเป็น ตำบลบ่อเหล็กลอง ตั้งแต่ บ้านนาตุ้ม ๒ หมู่ บ้านทุ่งเจริญ บ้านแม่ลอง บ้านแม่แขม -หนองแดง บ้านค้างตะนะ บ้านต้นม่วง และบ้านแม่รัง ซึ่งการแยกตำบลสำเร็จเมื่อตำบล ได้กำนันคนที่ ๗ คือนายสมทรง เป็กกันใจ ปี ๒๕๓๒ ปัจจุบันตำบลหัวทุ่ง มี ๙ หมู่บ้าน คือ บ้านไผ่ล้อม หมู่ที่ ๑ บ้านนามน หมู่ที่ ๒ บ้านหัวทุ่ง หมู่ที่ ๓ บ้านแม่จอก หมู่ที่ ๔ บ้านเค็ม หมู่ที่ ๕ บ้านนาอุ่นน่อง หมู่ที่ ๖ – ๗ บ้านเชตวัน หมู่ที่ ๘ และ บ้านไผ่ล้อมพัฒนา หมู่ที่ ๙ การบริหารรูปแบบองค์กรท้องถิ่นได้รับการยกฐานะจากสภาตำบลหัวทุ่ง เป็นองค์การบริหารส่วนตำบลหัวทุ่ง เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๐
เล่าขานตำนานหมู่บ้าน
หมู่ที่ ๑ บ้านไผ่ล้อม
มีตำนานเล่าว่า มีฤาษีตนหนึ่ง ได้จาริกแสวงบุญมาถึงยังห้วยหมาน้อยยามเที่ยง อากาศร่มรื่นสบายดี จึงปักไม้เท้าไว้ริมตลิ่ง ลงอาบน้ำชำระร่างกาย อาบน้ำเสร็จก็เดินชมธรรมชาติ จนลืมไม้เท้าที่ปักไว้ ต่อมาไม้เท้าฤาษีได้ผลิดอกใบแผ่กิ่งและลำต้นงอกงามเป็นไผ่กอใหญ่ มีกิ่งและใบลู่ลงดิน ผู้คนเห็นเป็นอัศจรรย์ จึงอพยพมาอยู่มากขึ้นและเรียกว่า “ บ้านไผ่ล้อ” ภายหลังก็เพี้ยนเป็น “บ้านไผ่ล้อม” ปี พ.ศ. ๒๕๓๓ ได้มีการแยกหมู่บ้านใหม่ขึ้นมา
หมู่ที่ ๒ บ้านนามน
บ้านนามน หมู่ที่ ๒ แต่เดิมมีหนองน้ำขนาดใหญ่ เป็นแหล่งน้ำ แห่งชีวิตของคนย่านนั้น มียายแก่ชื่อยายมนทำไร่รอบหนองน้ำนั้น นาน ๆ เข้าไร่ก็กลายเป็นนา คนทั่วไปเรียกว่า “ นายายมน” นานเข้าก็สั้นเหลือเพียง “นามน”
หมู่ที่ ๓ บ้านหัวทุ่ง
บ้านหัวทุ่งนี้เดิมเรียกว่า บ้านนาหมาโก้ง ซึ่งประวัติเดิมที่มีอยู่ว่า มีแม่ชีปะขาวคนหนึ่งได้เดินทางมาจากเมืองเหนือได้มาแวะพักปฏิบัติธรรมกัมฐานอยู่ที่ป่าไม้ตะเคียนซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ของหมู่บ้านนี้ แต่ปัจจุบันนี้ ป่าไม้ตะเคียนนั้นได้ถูกเจ้าของที่นาแห่งนี้ ได้ตัดไปหมดแล้ว เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๘ เอาไม้นั้นมาสร้างศาลาบาตรของวัด แม่ชีปะขาวมีหมาอยู่ตัวหนึ่งชื่อหมาโก้ง และหมาโก้งตัวนี้ได้มาตายที่ป่าละเมาะแห่งหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่บ้านนี้ ชาวบ้านเรียกป่าแห่งนั้นตามภาษาพื้นเมืองว่า “ ป่าโกนหมาโก้ง” มีทุ่งนาล้อมรอบทุ่งนาทางด้านทิศเหนือของหมู่บ้านที่ถนนผ่านเข้ามา หมู่บ้านนี้เรียกว่า “บ้านหมาโก้ง” หมู่บ้านนี้จึงได้ชื่อว่า บ้านนาหมาโก้ง ต่อมาภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น “ บ้านหัวทุ่ง”
หมู่ที่ ๔ บ้านแม่จอก
ในอดีตพื้นที่การตั้งถิ่นฐานของชาวบ้านเป็นที่ลุ่ม ที่ดอน น้ำท่วมถึง เมื่อชาวบ้านทนต่อปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้จึงพากันย้ายถิ่นฐานขึ้นไปทางทิศเหนือ ซึ่งที่แห่งใหม่นี้ เดิมมี ๒ ครัวเรือนนานเข้าก็เพิ่มเป็น ๔๐ ครัวเรือน จนกระทั่งปัจจุบันได้เพิ่มเป็น ๑๕๗ ครัวเรือน ผู้ใหญ่บ้านคนแรกคือ นายเขียว แว่นแก้ว และคนปัจจุบันคือ นายสมคิด แว่นแก้ว การเรียกชื่อหมู่บ้านเรียกตามลำน้ำห้วยแม่จอกเป็นบ้านแม่จอก
หมู่ที่ ๕ บ้านเค็ม
ในปี พ.ศ. ๒๔๐๐ ชาวบ้านนาหมาโก้ง และบ้านดอนทราย ๑๕ ครอบครัว มาทำไร่ไม่นานก็มีมากขึ้น จึงตั้งชื่อบ้านว่า “ บ้านหนองตีนแตก” ต่อจากนั้นได้มีการเปลี่ยนชื่อมาเป็น “ บ้านหนองตีนตัง” อีก ๒๐ กว่าปีต่อมาจึงแต่งตั้งชื่อหมู่บ้าน เป็น “บ้านเค็ม” อยู่หมู่ที่ ๕ ตำบลหัวทุ่ง มีการสร้างวัดและโรงเรียนขึ้น ไม่นานวัดโรงเรียนก็ร้าง ในปี พ.ศ. ๒๕๐๗ มีประชากรประมาณ ๘๐ กว่าครอบครัว จึงสร้างวัดขึ้นใหม่ ที่ตั้ง คสมช. ในปัจจุบันและต่อมาได้สร้างวัดขึ้นมาอีกจนถึงปัจจุบัน
หมู่ที่ ๖ บ้านนาอุ่นน่อง
เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๒๐ มีพระนางจามทวีจากลำพูนมาแวะพักที่บ้านนาอุ่นน่อง ในช่วงฤดูหนาว หลังจากนั้นก็เดินทางต่อไป ตำบลป่ากาง แล้วเดินทางต่อไปที่เมืองลอง ซึ่งในสมัยนั้นเป็นเขตพื้นที่รับผิดชอบของจังหวัดลำปาง เมืองลองได้โอนเข้ามาในเขตพื้นที่รับผิดชอบของจังหวัดแพร่ในปี พ.ศ. ๒๔๘๘ ซึ่งแต่เดิมบ้านนาอุ่นน่อง มีชื่อว่า “บ้านม่อน” ที่ซึ่งมีความแห้งแล้งมีกวางอาศัยอยู่ตามม่อนดอย ดังนั้น จึงเรียกกันว่า “บ้านม่อนกวางผอม” ซึ่งแยกออกมาจากบ้านนาตุ้ม ของตำบลบ่อเหล็กลอง และแยกจากหัวทุ่งในปี พ.ศ. ๒๕๓๖
หมู่ที่ ๗ บ้านนาอุ่นนอง
เดิมทีบ้านนาอุ่นนอง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอำเภอลอง ห่างจากตัวอำเภอลองประมาณ ๗ กิโลเมตร สมัยก่อนอำเภอลองได้ขึ้นอยู่กับจังหวัดลำปาง แล้วโอนย้ายมาอยู่จังหวัดแพร่เมื่อวันที่ ๒๕ พ.ย. พ.ศ. ๒๔๗๔ มาจนถึงปัจจุบันบ้านาอุ่นน่องตั้งขึ้นเมื่อราว พ.ศ. ๒๔๒๐ ราษฎรได้แยกกันออกเป็น ๒ พวก พวกหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของลำห้วยแม่ลอง มีครอบครัวอยู่ ๑๒ ครอบครัว อีกพวกหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของลำห้วยแม่ลอง มีครอบครัวอยู่ ๒๔ ครอบครัว ราษฎรทั้งสองพวกจึงได้เลือกหัวหน้าขึ้นเป็นครั้งแรกคือ นายบุญมา สมภาร สมัยก่อนเรียกหัวหน้าว่า “แก่บ้าน”
ต่อมามีประวัติเล่ากันว่า มีพระปัจเจกกะโพธิ์รูปหนึ่งมาจากเมืองละโว้ (ลพบุรี) ได้เดินทางมาพักอยู่ในหมู่บ้านนี้ ตอนนั้นเป็นฤดูหนาวอากาศหนาวมากชาวบ้านจึงช่วยกันหาฟืนมาก่อไฟผิงเพื่อให้ได้รับความอบอุ่นจากกองไฟ ก็พากันอุ่นน่องอุ่นแข้งขึ้นเพื่อให้หายหนาว จึงได้ตั้งนามของหมู่บ้านนี้ขึ้นว่า “บ้านนาอุ่นนอง” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
หมู่ที่ ๘ บ้านเชตวัน
เป็นหมู่บ้านที่แยกมาจากหมูที่ ๓ เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๒ ดังนั้นจึงเรียกชื่อหมู่บ้านนี้ตามประวัติเดิมของหมู่ที่ ๓ คือ “บ้านเชตวัน”
หมู่ที่ ๙ บ้านไผ่ล้อมพัฒนา
บ้านไผ่ล้อมพัฒนา ได้รับการตั้งขึ้นเป็นหมู่บ้านตามประกาศของกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๔ โดยแยกมาจากบ้านไผ่ล้อมหมู่ที่ ๑ ตำบลหัวทุ่ง ซึ่งประชากรในขณะนั้นมีประมาณ ๑,๖๐๐ คน รวมประมาณ ๓๕๐ หลังคาเรือน เป็นบ้านไผ่ล้อมพัฒนาหมู่ที่ ๑ – ๗ หลังจากแยกการปกครองแล้วประมาณ ๓ ปี กระทรวงมหาดไทยได้ประกาศจัดตั้งตำบลบ่อเหล็กลองขึ้นมา โดยการแยกการปกครองจากท้องถิ่นที่ตำบลหัวทุ่ง คงเหลือหมู่บ้านในเขตปกครองในตำบลหัวทุ่ง เพียง ๙ หมู่บ้าน ซึ่งบ้านไผ่ล้อมพัฒนาเป็นหมู่ที่ ๙ จนถึงปัจจุบัน